สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
skip to main |
skip to sidebar
ผลิตภัณฑ์จากป่านศรนารายณ์ของกลุ่ม อาทิ หมวก กระเป๋า และรองเท้า มีความโดดเด่นในด้านการออกแบบที่ทันสมัย สีสันสะดุดตา การตัดเย็บประณีต สวยงาม แข็งแรงทนทาน ทนน้ำ ซักได้โดยที่สีไม่ตก
โครงการวิจัยที่ 1 ผลิตภัณฑ์แผ่นประกอบ (Particleboard) จากเส้นใยฟางข้าวและเศษยางรถยนต์
โครงการวิจัยที่ 1 ผลิตภัณฑ์แผ่นประกอบ (Particleboard) จากเส้นใยฟางข้าวและเศษยางรถยนต์
ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆทั่วโลก สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของปัญหาดังกล่าว คือขยะของเหลือใช้ที่มาจากเกษตรกรรม และของเสียจากโรงงาน และจากปัญหาไม้จากป่าไม้ธรรมชาติที่ลดน้อยลง จึงมีการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีในการนำวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรกรรม เช่นฟางข้าว และของเสียจากการใช้งาน เช่นเศษยางรถยนต์ มาใช้ประโยชน์ใหม่ ในการทำวัสดุ ก่อสร้างทดแทนไม้ ซึ่งนอกจากช่วยลดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าแล้ว ยังลดปัญหาเรื่องขยะหรือของเสีย และยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะและเศษวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติอีกด้วย
รูปที่ 1 แผ่นประกอบ (Particleboard)จากเส้นใยฟางข้าวและเศษยางรถยนต์
โครงการนี้เป็นการนำเสนอผลงานที่ได้จากการวิจัยค้นคว้าในการผลิตแผ่นประกอบจากฟางข้าวและเศษยางรถยนต์ และตัวประสานไดฟีนอลมีเทน ไดไอโซไซยาเนต (pMDI) ซึ่งเมื่อใช้ปริมาณของเศษฟางมากจะมีความแข็งใช้ทดแทนไม้แผ่นเรียบได้ และเมื่อมีปริมาณยางมาก แผ่นงานสามารถดัดโค้งได้ เก็บเสียงได้ จึงสามารถนำมาใช้งานด้านงานตกแต่งในสำนักงานและงานที่ต้องการเก็บเสียงได้
ผลิตภัณฑ์จากฟางข้าว กรอบรูปฟางข้าว จะมีใครสักกี่คน ที่เห็นประโยชน์จากตอซังข้าว หรือไม่ก็ถูกไถกลบจนกลายเป็นปุ๋ย แท้จริงแล้วยังมีประโยชน์ และสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้คนในชุมชนได้เป็นอย่างดี หากมีแนวคิดที่แปลกใหม่ผสมผสานกับไอเดียที่นำเสนอจากภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าไปในเนื้องาน
link
- http://www.sansarn.com
- http://www.ebay.com
- http://www.amazon.com
- http://www.weloveshopping.com
- http://www.geocities.com
- http://www.exteen.com
- http://www.bloggang.com
- http://www.blogger.com
- http://www.tarad.com
- http://www.bananaotop.blogspot.com
- http://www.longdo.com
- http://thailand2booking.blogspot.com
- http://bangkoktravel-bangkoksmile.blogspot.com
ผู้ติดตาม
คลังบทความของบล็อก
เกี่ยวกับฉัน
หัตถกรรมใยตาล จากภูมิปัญญาสู่หัตถกรรมมากคุณค่าน่าใช้
หัตถกรรมจากภูมิปัญญาของชาวสทิงพระ จ.สงขลา ภายใต้ตรา “โหนดทิ้ง” งานฝีมือที่มาจากต้นตาลโตนด พืชเศรษฐกิจที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นสินค้าหัตถกรรมของชุมชนบนคาบสมุทรสทิงพระ ซึ่งนอกจากจะประกอบอาชีพทำนา ประมง เลี้ยงสัตว์แล้ว ยังใช้ประโยชน์จากตาลโตนดที่มีอยู่มากกว่า 1 ล้านต้น มาเป็นงานฝีมือที่หลากหลาย ทั้งกระเป๋าใยตาล หมวก โคมไฟ กล่องทิชชู ปิ่นปักผม และกระเป๋าใบตาล เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์จักสานเชือกมัดฟาง กลุ่มสตรีห้วยทองหลาง
เศษเชือกฟางที่ใช้มัดฟางข้าวสำหรับเลี้ยงวัวที่ถูกมองว่าไม่มีค่า นำมาสร้างสรรค์จากมันสมองอันปราดเปรื่องและสองมือแห่งภูมิปัญญาไทยของกลุ่มสตรีห้วยทองหลาง จังหวัดสระบุรี ผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นกระเป๋าแฟชั่น สินค้าตกแต่งบ้าน และโคมไฟโมเดิร์นที่สวยแปลกตาเพราะตกแต่งด้วยรังไหมที่เรียงต่อกันเป็นวงกลม สินค้าแต่ละประเภทมีหลากหลายรูปแบบ สวยงามสะดุดตา น่าใช้ สะดวกในการขนส่งเพราะสามารถพับได้ ไม่แตกหักและซักทำความสะอาดได้อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์จากหญ้าแฝก..พืชมหัศจรรย์บนดิน
นอกจากรากของหญ้าแฝกหอมที่มีกลิ่นหอมเย็น สามารถสกัดเป็นน้ำมันทำเครื่องสำอางได้แล้ว ใบและต้นของหญ้าชนิดนี้มีลักษณะเป็นมันยาว เมื่อถูกน้ำใบจะนิ่ม ยังนำมาผลิตงานหัตถกรรมสานเป็นรูปทรงของใช้ต่าง ๆ ได้ ลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์หญ้าแฝกจะมีอายุการใช้งานนานปี โดนน้ำไม่ขึ้นรา
เครื่องจักสานบางเจ้าฉ่า
ภูมิปัญญาในการทำหัตถกรรมจักสานของชุมชนบางเจ้าฉ่าเป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป จากการพัฒนารูปแบบ ฝีมือ คุณค่า ผ่านมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน จนถึงในยุคปัจจุบันการคิดสร้างสรรค์งานจักสานโดยพัฒนารูปแบบ ลวดลายให้เป็นเอกลักษณ์ สามารถเพิ่มมูลค่าสร้างเป็นงานอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างชื่อเสียงให้กับชุมชนได้อย่างน่ายกย่อง
ผลิตภัณฑ์จากป่านศรนารายณ์
ผลิตภัณฑ์จากป่านศรนารายณ์ของกลุ่ม อาทิ หมวก กระเป๋า และรองเท้า มีความโดดเด่นในด้านการออกแบบที่ทันสมัย สีสันสะดุดตา การตัดเย็บประณีต สวยงาม แข็งแรงทนทาน ทนน้ำ ซักได้โดยที่สีไม่ตก
ผลิตภัณฑ์จากป่านศรนารายณ์
ผลิตภัณฑ์จากป่านศรนารายณ์ของกลุ่ม อาทิ หมวก กระเป๋า และรองเท้า มีความโดดเด่นในด้านการออกแบบที่ทันสมัย สีสันสะดุดตา การตัดเย็บประณีต สวยงาม แข็งแรงทนทาน ทนน้ำ ซักได้โดยที่สีไม่ตก
ผลิตภัณฑ์จากฟางข้าว
โครงการวิจัยที่ 1 ผลิตภัณฑ์แผ่นประกอบ (Particleboard) จากเส้นใยฟางข้าวและเศษยางรถยนต์
การใช้ประโยชน์จากของใช้แล้วหรือสิ่งที่ไม่มีมูลค่า กำลังเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวขวัญถึงกันอย่างมากในปัจจุบัน อันเป็นยุคตื่นตัวเรื่องการรีไซเคิล รวมถึงการใช้ทรัพยากรให้คุ่มค่า และมีประสิทธิภาพมากที่สุด และสำหรับบ้านเราเมืองเรา ที่เป็นประเทศเกษตรกรรมนั้น วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษต ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีมูลค่าประเภทหนึ่ง หากจะปล่อยทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ก็น่าเสียดาย เพราะในแต่ละปีๆ ก็ทิ้งกันนับล้านๆ ตัน ดังนั้นการนำวัสดุเหลือทิ้งเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จึงเป็นสิ่งที่น่าศึกษาและกระทำเป็นอย่างยิ่ง ดังเช่น
วัสดุเหลือทิ้งพวกฟางข้าว ซึ่งเราสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบ ในการผลิตน้ำตาลชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ไซลิทอล" ได้
ไซลิทอลเป็นน้ำตาลที่พบทั่วไปในผักและผลไม้อาทิ กะหล่ำปลี มะเขือยาว สตรอเบอรี่ เป็นต้น น้ำตาลชนิดนี้ไม่มีกลิ่น ให้ความหวานใกล้เคียงกับน้ำตาลทรายและให้ความรู้สึกเย็นลิ้นนิดๆ เวลารับประทาน
ปัจจุบันมีการใช้ไซลิทอลในผลิตภัณฑ์อาหารหลายชนิด ทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมากฝรั่ง เนื่องจากข้อดีของไซลิทอลที่เป็นน้ำตาลซึ่งมีจุลินทรีย์น้อยชนิด ที่จะสามารถใช้เป็นแหล่งอาหารได้ และเป็นน้ำตาลที่จุลินทรีย์ในช่องปากของคนเราใช้ไม่ได้ จึงทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้ไซลิทอลเป็นองค์ประกอบไม่เสื่อมเสียง่าย เก็บไว้ได้นาน และไม่มีปัญหาเรื่องฟันผุ เหมือนการรับประทานน้ำตาลทั่วๆ ไป
ในทางการแพทย์ มีการใช้ไซลิทอลเป็นอาหารทางสายของผู้ป่วย และเป็นอาหารของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากไซลิทอล ไม่ทำปฏิกิริยากับกรดอะมิโนทำให้การเตรียมอาหารเหลว สำหรับใช้ทางสายง่ายกว่าการเตรียมโดยใช้น้ำตาลกลูโคส และการใช้ไซลิทอลในร่างกายไม่ขึ้นกับสารอินซูลิน ทำให้ไม่มีปัญหาการใช้น้ำตาลกลูโคสของผู้ป่วย อีกทั้งไซลิทอล ยังเป็นสารให้ความหวานที่ไม่มีผลต่อการเพิ่มปริมาณน้ำตาลในเลือด จึงปลอดภัยต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน
สำหรับไซลิทอลที่นำมาใช้กันในปัจจุบัน โดยมากจะผลิตขึ้นโดยกระบวนการทางเคมี วิธีนี้มีข้อเสียในเรื่องของต้นทุนและกระบวนการผลิต ที่อาจทำให้มีสารปนเปื้อนออกมาด้วย จึงมีผู้คิดค้นหาวิธีอื่นๆ ในการผลิตไซลิทอล ซึ่งก็ค้นพบว่า วิธีการหมักโดยใช้เชื้อจุลินทรีย์ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่นำมาใช้ได้ และในบ้านเรา ที่ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็มีนักวิจัยอีกท่านหนึ่ง ที่ได้ศึกษาวิธีการผลิตไซลิทอลด้วยการหมักโดยใช้ฟางข้าวเป็นวัตถุดิบ นักวิจัยท่านนี้ก็คือ ดร.สาโรจน์ ศิริศันสนียกุล
ดร.สาโรจน์ ได้เล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการผลิตไซลิทอลจากฟางข้าวว่า ขั้นตอนหลักๆ ในการผลิตไซลิทอลจากฟางข้าวพอที่จะแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วงคือ ช่วงการสกัดน้ำตาลไซโลสออกจากฟางข้าว ช่วงการเปลี่ยนไซโลสให้เป็นไซลิทอล โดยใช้เชื้อยีสต์และช่วงการสกัดเอาไซลิทอลออกมา
ในช่วงแรกนั้นเริ่มด้วยการนำเอาฟางข้าวมาบดให้ละเอียด แล้วทำการสกัดน้ำตาลไซโลสออกจากฟางข้าว โดยใช้กรดซัลฟูริกเจือจาง 0.5% เป็นเวลา 30 นาที ที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส จากนั้นจึงแยกเอากากหยาบออก โดยใช้ฟิลเตอร์เพลทอีกครั้ง ถัดมาจะเป็นการกำจัดกรด ที่ใช้ในการสกัดไซโลสออกจากฟางข้าวโดยใช้วิธีอิเล็กโตรไดอะไลซิส เมื่อได้น้ำเชื่อมที่เป็นน้ำตาลไซโลสออกมาแล้ว จึงนำน้ำเชื่อมมาทำให้มีความเข้มข้นขึ้นโดยแยกเอาน้ำออกบางส่วน ด้วยวิธีรีเวอร์สออสโมซิส น้ำเชื่อมเข้มข้นที่ได้ในช่วงแรกนี้ จะนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นสำหรับการหมักในช่วงการเปลี่ยนไซโลส ให้เป็นไซลิทอลโดยใช้เชื้อยีสต์ต่อไป
ช่วงต่อมาจะเป็นการฆ่าเชื้อที่อาจปนเปื้อนมาในน้ำเชื่อม จากนั้นจึงนำน้ำเชื่อมไปเติมลงในถังหมัก เติมสารอาหารบางอย่าง ที่จำเป็นสำหรับการหมักลงไป และเติมเชื้อยีสต์สายพันธุ์ Candida mogii ATCC 18364 ซึ่งเป็นเชื้อจุลินทรีย์ ที่สามารถเปลี่ยนไซโลสไปเป็นไซลิทอลได้ดี ในสภาพที่ออกซิเจนถูกกำจัดลงไปเพื่อทำการหมัก
หลังจากหมักโดยเชื้อยีสต์จะได้สารให้ความหวานไซลิทอลเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาที่มีไซลิทอลปริมาณมากพอแล้วก็จะทำการแยกเอาเชื้อยีสต์ ออกจากน้ำหมัก น้ำหมักซึ่งมีไซลิทอลอยู่จะถูกนำไประเหย เอาน้ำออกเพื่อให้น้ำเชื่อมมีความเข้มข้นเพิ่มขึ้น ต่อจากนั้นจึงทำการแยกเอาไซลิทอลออกมาโดยใช้เรซิน และทำการตกผลึกให้ได้ออกมาเป็นน้ำตาลไซลิทอลในช่วงสุดท้าย
การสกัดไซลิทอลจากฟางข้าวโดยวิธีนี้ ถ้าเริ่มจากฟางข้าว 100 กรัม จะสามารถผลิตเป็นไซลิทอลได้ประมาณ 8 กรัม โดยราคาของไซลิทอลที่ขายกันอยู่ในบ้านเราขณะนี้ก็ตกราวๆ กิโลกรัมละ 300 บาท หรือตกกรัมละ 0.3 บาท ดังนั้นไซลิทอล 8 กรัม ที่ได้จากฟางข้าว 100 กรัมก็จะมีราคาราว 2 บาทกว่าๆ ซึ่งเห็นได้ว่า ฟางข้าวที่ไม่มีมูลค่านั้นเราสามารถนำมาทำให้เกิดผลิตภีณฑ์ที่มีมูลค่าได้ไม่
และนอกจากที่ไซลิทอลจะสามารถผลิตขึ้น โดยการหมักที่มีฟางข้าวเป็นวัตถุดิบแล้ว วัสดุเหลือทิ้งทั้งทางเกษตรทุกชนิด ที่มีส่วนของเฮมิเซลลูโลสเป็นองค์ประกอบ อาทิเช่น ซังข้าวโพด เปลือกไม้ ก็สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไซลิทอลได้เช่นเดียวกัน ซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ในการผลิตไซลิทอลจากฟางข้าวนี้ก็สามารถติดต่อสอบถามไปได้ที่
ดร.สาโรจน์ ศิริศันสนียกุล
ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะอุตสาหกรรมเกษตร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ (02) 579--8903 โทรสาร (662) 579-5521
วัสดุเหลือทิ้งพวกฟางข้าว ซึ่งเราสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบ ในการผลิตน้ำตาลชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ไซลิทอล" ได้
ไซลิทอลเป็นน้ำตาลที่พบทั่วไปในผักและผลไม้อาทิ กะหล่ำปลี มะเขือยาว สตรอเบอรี่ เป็นต้น น้ำตาลชนิดนี้ไม่มีกลิ่น ให้ความหวานใกล้เคียงกับน้ำตาลทรายและให้ความรู้สึกเย็นลิ้นนิดๆ เวลารับประทาน
ปัจจุบันมีการใช้ไซลิทอลในผลิตภัณฑ์อาหารหลายชนิด ทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมากฝรั่ง เนื่องจากข้อดีของไซลิทอลที่เป็นน้ำตาลซึ่งมีจุลินทรีย์น้อยชนิด ที่จะสามารถใช้เป็นแหล่งอาหารได้ และเป็นน้ำตาลที่จุลินทรีย์ในช่องปากของคนเราใช้ไม่ได้ จึงทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้ไซลิทอลเป็นองค์ประกอบไม่เสื่อมเสียง่าย เก็บไว้ได้นาน และไม่มีปัญหาเรื่องฟันผุ เหมือนการรับประทานน้ำตาลทั่วๆ ไป
ในทางการแพทย์ มีการใช้ไซลิทอลเป็นอาหารทางสายของผู้ป่วย และเป็นอาหารของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากไซลิทอล ไม่ทำปฏิกิริยากับกรดอะมิโนทำให้การเตรียมอาหารเหลว สำหรับใช้ทางสายง่ายกว่าการเตรียมโดยใช้น้ำตาลกลูโคส และการใช้ไซลิทอลในร่างกายไม่ขึ้นกับสารอินซูลิน ทำให้ไม่มีปัญหาการใช้น้ำตาลกลูโคสของผู้ป่วย อีกทั้งไซลิทอล ยังเป็นสารให้ความหวานที่ไม่มีผลต่อการเพิ่มปริมาณน้ำตาลในเลือด จึงปลอดภัยต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน
สำหรับไซลิทอลที่นำมาใช้กันในปัจจุบัน โดยมากจะผลิตขึ้นโดยกระบวนการทางเคมี วิธีนี้มีข้อเสียในเรื่องของต้นทุนและกระบวนการผลิต ที่อาจทำให้มีสารปนเปื้อนออกมาด้วย จึงมีผู้คิดค้นหาวิธีอื่นๆ ในการผลิตไซลิทอล ซึ่งก็ค้นพบว่า วิธีการหมักโดยใช้เชื้อจุลินทรีย์ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่นำมาใช้ได้ และในบ้านเรา ที่ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็มีนักวิจัยอีกท่านหนึ่ง ที่ได้ศึกษาวิธีการผลิตไซลิทอลด้วยการหมักโดยใช้ฟางข้าวเป็นวัตถุดิบ นักวิจัยท่านนี้ก็คือ ดร.สาโรจน์ ศิริศันสนียกุล
ดร.สาโรจน์ ได้เล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการผลิตไซลิทอลจากฟางข้าวว่า ขั้นตอนหลักๆ ในการผลิตไซลิทอลจากฟางข้าวพอที่จะแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วงคือ ช่วงการสกัดน้ำตาลไซโลสออกจากฟางข้าว ช่วงการเปลี่ยนไซโลสให้เป็นไซลิทอล โดยใช้เชื้อยีสต์และช่วงการสกัดเอาไซลิทอลออกมา
ในช่วงแรกนั้นเริ่มด้วยการนำเอาฟางข้าวมาบดให้ละเอียด แล้วทำการสกัดน้ำตาลไซโลสออกจากฟางข้าว โดยใช้กรดซัลฟูริกเจือจาง 0.5% เป็นเวลา 30 นาที ที่อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซียส จากนั้นจึงแยกเอากากหยาบออก โดยใช้ฟิลเตอร์เพลทอีกครั้ง ถัดมาจะเป็นการกำจัดกรด ที่ใช้ในการสกัดไซโลสออกจากฟางข้าวโดยใช้วิธีอิเล็กโตรไดอะไลซิส เมื่อได้น้ำเชื่อมที่เป็นน้ำตาลไซโลสออกมาแล้ว จึงนำน้ำเชื่อมมาทำให้มีความเข้มข้นขึ้นโดยแยกเอาน้ำออกบางส่วน ด้วยวิธีรีเวอร์สออสโมซิส น้ำเชื่อมเข้มข้นที่ได้ในช่วงแรกนี้ จะนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นสำหรับการหมักในช่วงการเปลี่ยนไซโลส ให้เป็นไซลิทอลโดยใช้เชื้อยีสต์ต่อไป
ช่วงต่อมาจะเป็นการฆ่าเชื้อที่อาจปนเปื้อนมาในน้ำเชื่อม จากนั้นจึงนำน้ำเชื่อมไปเติมลงในถังหมัก เติมสารอาหารบางอย่าง ที่จำเป็นสำหรับการหมักลงไป และเติมเชื้อยีสต์สายพันธุ์ Candida mogii ATCC 18364 ซึ่งเป็นเชื้อจุลินทรีย์ ที่สามารถเปลี่ยนไซโลสไปเป็นไซลิทอลได้ดี ในสภาพที่ออกซิเจนถูกกำจัดลงไปเพื่อทำการหมัก
หลังจากหมักโดยเชื้อยีสต์จะได้สารให้ความหวานไซลิทอลเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาที่มีไซลิทอลปริมาณมากพอแล้วก็จะทำการแยกเอาเชื้อยีสต์ ออกจากน้ำหมัก น้ำหมักซึ่งมีไซลิทอลอยู่จะถูกนำไประเหย เอาน้ำออกเพื่อให้น้ำเชื่อมมีความเข้มข้นเพิ่มขึ้น ต่อจากนั้นจึงทำการแยกเอาไซลิทอลออกมาโดยใช้เรซิน และทำการตกผลึกให้ได้ออกมาเป็นน้ำตาลไซลิทอลในช่วงสุดท้าย
การสกัดไซลิทอลจากฟางข้าวโดยวิธีนี้ ถ้าเริ่มจากฟางข้าว 100 กรัม จะสามารถผลิตเป็นไซลิทอลได้ประมาณ 8 กรัม โดยราคาของไซลิทอลที่ขายกันอยู่ในบ้านเราขณะนี้ก็ตกราวๆ กิโลกรัมละ 300 บาท หรือตกกรัมละ 0.3 บาท ดังนั้นไซลิทอล 8 กรัม ที่ได้จากฟางข้าว 100 กรัมก็จะมีราคาราว 2 บาทกว่าๆ ซึ่งเห็นได้ว่า ฟางข้าวที่ไม่มีมูลค่านั้นเราสามารถนำมาทำให้เกิดผลิตภีณฑ์ที่มีมูลค่าได้ไม่
และนอกจากที่ไซลิทอลจะสามารถผลิตขึ้น โดยการหมักที่มีฟางข้าวเป็นวัตถุดิบแล้ว วัสดุเหลือทิ้งทั้งทางเกษตรทุกชนิด ที่มีส่วนของเฮมิเซลลูโลสเป็นองค์ประกอบ อาทิเช่น ซังข้าวโพด เปลือกไม้ ก็สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไซลิทอลได้เช่นเดียวกัน ซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ในการผลิตไซลิทอลจากฟางข้าวนี้ก็สามารถติดต่อสอบถามไปได้ที่
ดร.สาโรจน์ ศิริศันสนียกุล
ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะอุตสาหกรรมเกษตร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ (02) 579--8903 โทรสาร (662) 579-5521
ผลิตภัณฑ์หลากชนิดจากเชือดมัดฟางงานฝีมือกระตุ้นเศรษฐกิจบ้านหนองย่างเสือ
การเสริมสร้างรายได้ให้ครอบครัวเป็นการใช้เวลาว่างอย่างหนึ่งที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่ง มั่นคงให้กับครอบครัวได้อย่างน่าภาคภูมิใจ แม่บ้านตำบลหนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ใช้เวลาว่างหลังรีดนมวัวรวมตัวกันกู้เงินส่งเสริมอาชีพแม่บ้าน ด้วยการซื้อวัสดุอุปกรณ์มาถักที่ใส่ขวดไวน์ กระเป า เข็มขัด ออกจำหน่ายซึ่งเป็นการเสริมรายได้ให้ครอบครัวเป็นอย่างดี
นางกาญจนา กลางชัยเดช อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 13 ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ประธานกลุ่มแม่บ้านหมู่ 13 เปิดเผยถึงการประกอบอาชีพของชาวบ้านในท้องถิ่นส่วนใหญ่ยึดอาชีพการเลี้ยงโคนม และมีบางส่วนทำไร่ในการเลี้ยงโคนมนั้นต้องสั่งซื้อฟางข้าวจากถิ่นอื่นนำมาให้วัวกินและฟางข้าวที่จัดส่งมานั้นทางพ่อค้าได้ใช้ (เชือกมัดฟาง) ซึ่งมีส่วนผสมเป็นใยสังเคราะห์ (ไนลอน) กับปอมีความเหนียวทนทานไม่เปื่อยยุ่ย สามารถทำความสะอาดด้วยการซักได้ จึงลองนำเชือกมัดฟางดังกล่าวมาถักสิ่งของต่าง ๆ ขึ้น เช่น กระเป า เข็มขัด และทำเป็นกระเช้าให้ผู้สูงอายุใส่บาตรข้าวหิ้วไปทำบุญ จนมีคนสนใจและติดต่อให้ช่วย ถักอยู่เสมอ เมื่อผลิตภัณฑ์ที่ทดลองทำขึ้นสามารถขยายเป็นสินค้าออกจำหน่ายได้ กลุ่ม แม่บ้านในละแวกเดียวกันจึงรวมตัวเป็นกลุ่มประสานงานไปยัง อบต. ติดต่อขอกู้เงินกองทุนส่งเสริมอาชีพแม่บ้าน จากนั้นได้ขอความร่วมมือจากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อ.มวกเหล็ก ให้จัดส่งอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมาเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับการถักสิ่งของต่าง ๆ และลวดลายใหม่ ๆ ตามที่ตลาดต้องการ
ประธานกลุ่มแม่บ้าน ต.หนองย่างเสือ กล่าวต่อไปว่าสำหรับวิธีทำและขั้นตอนการผลิตนั้นได้สั่งซื้อเชือกมัดฟางเป็นวัตถุดิบมี 2 สีคือ สีขาวและสีน้ำตาล สินค้าที่ผลิตออกจำหน่ายมีทั้ง กระเป า เข็มขัด กระเช้าใส่ข้าวสุกไปวัด และที่ใส่ไวน์ที่ขายดีที่สุดในยุคนี้ ในการผลิตเชือกมัดฟาง 1 ม้วน สามารถผลิตที่ใส่ขวดไวน์ได้ 70 ใบ หากทำกระเป าจะทำได้เพียง 6 ใบ ส่วนราคา จำหน่ายจะเริ่มต้นตั้งแต่ 80-300 บาท เฉลี่ยแล้วแม่บ้านจะมีรายได้จากการใช้เวลาว่างหลังรีดนมวัวในช่วงเช้า-เย็น ประมาณคนละ 200 บาทต่อวัน หรือ 5,000-6,000 บาทต่อเดือน ซึ่งตนอยากจะฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบางครั้งการนำสินค้าไปจำหน่ายในงานกลุ่ม ทางการควรจะดูแลรับผิดชอบไม่ใช่ปล่อยให้พ่อค้าหรือคนสนิทกินหัวคิวผู้ผลิตซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ชอบเอาเปรียบผู้ใช้แรงงานและบางครั้งยังข่มขู่กลุ่มแม่บ้านที่ผลิตสินค้าออกจำหน่ายกลับถูกบุคคลเหล่านี้เอารัดเอาเปรียบมาโดยตลอด ซึ่งทางกลุ่มแม่บ้าน ได้แก้ปัญหาด้วยการออกหาตลาดเองและฝาก จำหน่ายตามร้านขายของที่ระลึกใน อ.มวกเหล็ก แทนจึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
นับว่าเป็นการใช้เวลาว่างอันเป็น ประโยชน์ ที่เสริมสร้างรายได้อันดีให้กับครอบครัวด้วยภูมิปัญญาของไทยที่รู้จักนำวัตถุดิบมา สร้างสรรค์ให้เป็นสิ่งของที่มีคุณค่าอย่างน่าภาคภูมิใจ หากทางราชการหันมาให้ความสนใจมาก กว่านี้ ผลิตภัณฑ์ของ ต.หนองย่างเสือ คงจะเป็นที่นิยมและแพร่หลายไปทั่ว อย่าให้ภูมิปัญญาอันทรงคุณค่านี้สูญหายไปกับความเมินเฉยของทางราชการเลย.--จบ--
การเสริมสร้างรายได้ให้ครอบครัวเป็นการใช้เวลาว่างอย่างหนึ่งที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่ง มั่นคงให้กับครอบครัวได้อย่างน่าภาคภูมิใจ แม่บ้านตำบลหนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ใช้เวลาว่างหลังรีดนมวัวรวมตัวกันกู้เงินส่งเสริมอาชีพแม่บ้าน ด้วยการซื้อวัสดุอุปกรณ์มาถักที่ใส่ขวดไวน์ กระเป า เข็มขัด ออกจำหน่ายซึ่งเป็นการเสริมรายได้ให้ครอบครัวเป็นอย่างดี
นางกาญจนา กลางชัยเดช อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 13 ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ประธานกลุ่มแม่บ้านหมู่ 13 เปิดเผยถึงการประกอบอาชีพของชาวบ้านในท้องถิ่นส่วนใหญ่ยึดอาชีพการเลี้ยงโคนม และมีบางส่วนทำไร่ในการเลี้ยงโคนมนั้นต้องสั่งซื้อฟางข้าวจากถิ่นอื่นนำมาให้วัวกินและฟางข้าวที่จัดส่งมานั้นทางพ่อค้าได้ใช้ (เชือกมัดฟาง) ซึ่งมีส่วนผสมเป็นใยสังเคราะห์ (ไนลอน) กับปอมีความเหนียวทนทานไม่เปื่อยยุ่ย สามารถทำความสะอาดด้วยการซักได้ จึงลองนำเชือกมัดฟางดังกล่าวมาถักสิ่งของต่าง ๆ ขึ้น เช่น กระเป า เข็มขัด และทำเป็นกระเช้าให้ผู้สูงอายุใส่บาตรข้าวหิ้วไปทำบุญ จนมีคนสนใจและติดต่อให้ช่วย ถักอยู่เสมอ เมื่อผลิตภัณฑ์ที่ทดลองทำขึ้นสามารถขยายเป็นสินค้าออกจำหน่ายได้ กลุ่ม แม่บ้านในละแวกเดียวกันจึงรวมตัวเป็นกลุ่มประสานงานไปยัง อบต. ติดต่อขอกู้เงินกองทุนส่งเสริมอาชีพแม่บ้าน จากนั้นได้ขอความร่วมมือจากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อ.มวกเหล็ก ให้จัดส่งอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมาเป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับการถักสิ่งของต่าง ๆ และลวดลายใหม่ ๆ ตามที่ตลาดต้องการ
ประธานกลุ่มแม่บ้าน ต.หนองย่างเสือ กล่าวต่อไปว่าสำหรับวิธีทำและขั้นตอนการผลิตนั้นได้สั่งซื้อเชือกมัดฟางเป็นวัตถุดิบมี 2 สีคือ สีขาวและสีน้ำตาล สินค้าที่ผลิตออกจำหน่ายมีทั้ง กระเป า เข็มขัด กระเช้าใส่ข้าวสุกไปวัด และที่ใส่ไวน์ที่ขายดีที่สุดในยุคนี้ ในการผลิตเชือกมัดฟาง 1 ม้วน สามารถผลิตที่ใส่ขวดไวน์ได้ 70 ใบ หากทำกระเป าจะทำได้เพียง 6 ใบ ส่วนราคา จำหน่ายจะเริ่มต้นตั้งแต่ 80-300 บาท เฉลี่ยแล้วแม่บ้านจะมีรายได้จากการใช้เวลาว่างหลังรีดนมวัวในช่วงเช้า-เย็น ประมาณคนละ 200 บาทต่อวัน หรือ 5,000-6,000 บาทต่อเดือน ซึ่งตนอยากจะฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบางครั้งการนำสินค้าไปจำหน่ายในงานกลุ่ม ทางการควรจะดูแลรับผิดชอบไม่ใช่ปล่อยให้พ่อค้าหรือคนสนิทกินหัวคิวผู้ผลิตซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ชอบเอาเปรียบผู้ใช้แรงงานและบางครั้งยังข่มขู่กลุ่มแม่บ้านที่ผลิตสินค้าออกจำหน่ายกลับถูกบุคคลเหล่านี้เอารัดเอาเปรียบมาโดยตลอด ซึ่งทางกลุ่มแม่บ้าน ได้แก้ปัญหาด้วยการออกหาตลาดเองและฝาก จำหน่ายตามร้านขายของที่ระลึกใน อ.มวกเหล็ก แทนจึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
นับว่าเป็นการใช้เวลาว่างอันเป็น ประโยชน์ ที่เสริมสร้างรายได้อันดีให้กับครอบครัวด้วยภูมิปัญญาของไทยที่รู้จักนำวัตถุดิบมา สร้างสรรค์ให้เป็นสิ่งของที่มีคุณค่าอย่างน่าภาคภูมิใจ หากทางราชการหันมาให้ความสนใจมาก กว่านี้ ผลิตภัณฑ์ของ ต.หนองย่างเสือ คงจะเป็นที่นิยมและแพร่หลายไปทั่ว อย่าให้ภูมิปัญญาอันทรงคุณค่านี้สูญหายไปกับความเมินเฉยของทางราชการเลย.--จบ--
การสร้างมูลค่าเพิ่มวัสดุเหลือใช้จากข้าวให้เป็นผลิตภัณฑ์วัสดุใช้สอยและวัสดุตกแต่งภายในบ้าน
ฟางข้าว นำมาแปรรูปได้ 3 แบบ
1. ฟางข้าว มีสีสรรที่สวยงาม และมีความหลากหลายของสีฟาข้าว และมีความทนทาน สามารถนำมาประกอบเป็นวัสดุใช้สอย เช่น ถาดผลไม้ และโคมไฟ เป็นต้น
ฟางข้าว นำมาแปรรูปได้ 3 แบบ
1. ฟางข้าว มีสีสรรที่สวยงาม และมีความหลากหลายของสีฟาข้าว และมีความทนทาน สามารถนำมาประกอบเป็นวัสดุใช้สอย เช่น ถาดผลไม้ และโคมไฟ เป็นต้น
2. กระดาษจากฟางข้าว มีความเหนียว มีรูปเนื้อกระดาษที่เป็นลวดลายที่สวยงาม เมื่อกระทบกับแสงไฟ ก็จะเห็นลวดลายของกระดาษได้ จึงนำมาจัดทำเป็นโคมไฟในรูปแบบต่าง ๆ
3. ไม้อัดจากฟางข้าว มีลวดลายที่สวยงาม เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงมาก ใช้กาวเหนียวในการประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น สามารถทนความร้อนได้ดี ทนต่อสภาพความชื้นสูง ไม้อัดจากฟางข้าวได้ออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ นาฬิกา แจกัน ฯลฯ
แกลบ ไม้อัดจากแกลบ มีลวดลายที่สวยงาม มีความแข็งแรง ทนทาน ทนความร้อนได้ดี ทนต่อสภาพความชื้นสูง ได้ออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น นาฬิกา แจกัน ถาดเชิงเทียน และภาพวาด เป็นต้น
วัตถุประสงค์
เพื่อถ่ายทอดผลงานวิจัยให้กับกลุ่มเกษตรกรลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้สามารถนำไปปรับปรุงในกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ผลิตและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าตรงตามความต้องการของตลาด
• วิธีดำเนินการ
นำผลงานวิจัยถ่ายทอดให้กับกลุ่มเกษตรกร
สมาชิกของกลุ่มเข้ารับการถ่ายทอดจำนวน 10 คน จำนวน 2 วัน
ดำเนินการถ่ายทอดที่สถาบันผลิตผลเกษตรฯ มก. บางเขน
• ปัญหาที่พบ
รูปแบบผลิตภัณฑ์มีน้อย
เครื่องมือเกิดสนิม ทำให้กระดาษสกปรกจากสนิม
การสม่ำเสมอของการย้อมสี
การเพิ่มมูลค่าในการใส่ลวดลายลงกระดาษ
เพื่อถ่ายทอดผลงานวิจัยให้กับกลุ่มเกษตรกรลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้สามารถนำไปปรับปรุงในกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ผลิตและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าตรงตามความต้องการของตลาด
• วิธีดำเนินการ
นำผลงานวิจัยถ่ายทอดให้กับกลุ่มเกษตรกร
สมาชิกของกลุ่มเข้ารับการถ่ายทอดจำนวน 10 คน จำนวน 2 วัน
ดำเนินการถ่ายทอดที่สถาบันผลิตผลเกษตรฯ มก. บางเขน
• ปัญหาที่พบ
รูปแบบผลิตภัณฑ์มีน้อย
เครื่องมือเกิดสนิม ทำให้กระดาษสกปรกจากสนิม
การสม่ำเสมอของการย้อมสี
การเพิ่มมูลค่าในการใส่ลวดลายลงกระดาษ
โครงการวิจัยที่ 1 ผลิตภัณฑ์แผ่นประกอบ (Particleboard) จากเส้นใยฟางข้าวและเศษยางรถยนต์
ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆทั่วโลก สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของปัญหาดังกล่าว คือขยะของเหลือใช้ที่มาจากเกษตรกรรม และของเสียจากโรงงาน และจากปัญหาไม้จากป่าไม้ธรรมชาติที่ลดน้อยลง จึงมีการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีในการนำวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรกรรม เช่นฟางข้าว และของเสียจากการใช้งาน เช่นเศษยางรถยนต์ มาใช้ประโยชน์ใหม่ ในการทำวัสดุ ก่อสร้างทดแทนไม้ ซึ่งนอกจากช่วยลดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าแล้ว ยังลดปัญหาเรื่องขยะหรือของเสีย และยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะและเศษวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติอีกด้วย
รูปที่ 1 แผ่นประกอบ (Particleboard)จากเส้นใยฟางข้าวและเศษยางรถยนต์
โครงการนี้เป็นการนำเสนอผลงานที่ได้จากการวิจัยค้นคว้าในการผลิตแผ่นประกอบจากฟางข้าวและเศษยางรถยนต์ และตัวประสานไดฟีนอลมีเทน ไดไอโซไซยาเนต (pMDI) ซึ่งเมื่อใช้ปริมาณของเศษฟางมากจะมีความแข็งใช้ทดแทนไม้แผ่นเรียบได้ และเมื่อมีปริมาณยางมาก แผ่นงานสามารถดัดโค้งได้ เก็บเสียงได้ จึงสามารถนำมาใช้งานด้านงานตกแต่งในสำนักงานและงานที่ต้องการเก็บเสียงได้
วัตถุประสงค์ เพื่อผลิตและเพิ่มมูลค่าให้กับกระดาษที่ทำด้วยมือจากชีวมวล
ชีวมวล (Biomass) คือสารอินทรีย์ที่เป็นแหล่งกักเก็บพลังงานจากธรรมชาติและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร หรือกากจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ชานอ้อย กากปาล์ม เปลือกฟักข้าวโพด ต้นข้าวโพด ต้นทานตะวัน ฟางข้าว กาบมะพร้าว เส้นไหม รังไหม ฝ้าย นุ่น เปลือกหม่อน เปลือกปอสา ใบสับปะรด กล้วย ผักตบชวา แฝก และยังรวมไปถึงเศษเหลือจากไม้ที่มีเส้นใยจำนวนมากที่สามารถนำมาเพิ่มมูลค่าโดยผลิตเป็นเยื่อ นำเยื่อที่ได้ผลิตเป็นกระดาษด้วยมือ แล้วนำกระดาษไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร เพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุเหลือใช้ ช่วยทำให้เศรษฐกิจชุมชนเจริญเติบโต และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจชุมชนในระดับรากหญ้า
ขั้นตอนการผลิตกระดาษจากชีวมวล
ชีวมวล (Biomass) คือสารอินทรีย์ที่เป็นแหล่งกักเก็บพลังงานจากธรรมชาติและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร หรือกากจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ชานอ้อย กากปาล์ม เปลือกฟักข้าวโพด ต้นข้าวโพด ต้นทานตะวัน ฟางข้าว กาบมะพร้าว เส้นไหม รังไหม ฝ้าย นุ่น เปลือกหม่อน เปลือกปอสา ใบสับปะรด กล้วย ผักตบชวา แฝก และยังรวมไปถึงเศษเหลือจากไม้ที่มีเส้นใยจำนวนมากที่สามารถนำมาเพิ่มมูลค่าโดยผลิตเป็นเยื่อ นำเยื่อที่ได้ผลิตเป็นกระดาษด้วยมือ แล้วนำกระดาษไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร เพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุเหลือใช้ ช่วยทำให้เศรษฐกิจชุมชนเจริญเติบโต และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจชุมชนในระดับรากหญ้า
ขั้นตอนการผลิตกระดาษจากชีวมวล
ผลิตภัณฑ์จากฟางข้าว
โลกเกษตร : เส้นทางของเศษฟางข้าว...วัสดุทดแทนไม้ที่มีอนาคต
จากสภาพปัญหาด้านทรัพยากรป่าไม้ที่มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความจำเป็นต้องลดการใช้ไม้ธรรมชาติในประเทศเพื่อรอการฟื้นฟูพื้นที่ป่าให้เพียงพอจนเกิดความสมดุลต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบกับการนำเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการเกษตรมาทำให้กลับมีคุณค่าเป็นวัสดุทดแทนไม้ธรรมชาติ หรือผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสม น่าจะเป็นโอกาสในการสร้างงานและเพิ่มรายได้ให้กับท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ “ฟางข้าว” เศษวัสดุเหลือทิ้งจากท้องนาที่ไม่วัสดุฉนวนความร้อนกำลังเป็นที่นิยมและแพร่หลายมากในปัจจุบัน มีการใช้มากทั้งในโรงงาน งานก่อสร้างอาคารและบ้านพักอาศัย แต่ส่วนใหญ่จะใช้ฉนวนใยแก้ว และแผ่นโฟม โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉนวนใยแก้วที่ต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ จากสถิติในปี 2543 ไทยมีการนำเข้าฉนวนใยแก้วสูงถึง 45,149,891 บาท ทำให้เสียดุลการค้า นอกจากนั้น ฉนวนความร้อนเหล่านี้ ยังผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งมักประสบปัญหาและคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยต่อสุขภาพเมื่อนำมาใช้งาน” นายวรธรรมกล่าวได้รับการเหลียวแล และถูกมองข้ามเสมอมา
อย่างไรก็ตาม กรอบแนวทางการวิจัยของกรมป่าไม้ เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากฟางข้าวเพื่อทดแทนไม้มิได้มีเพียงเท่านั้น ยังมีการพัฒนาฟางข้าวมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแผ่นประกอบชีวภาพ คล้ายคลึงกับแผ่นไม้ประกอบ เช่น แผ่นชิ้นไม้อัด แผ่นใยไม้อัด และแผ่นไม้อัดสารแร่ เป็นต้น โดยแผ่นประกอบชีวภาพนั้น สามารถนำมาผลิตเป็นเครื่องเรือน เครื่องไม้ในครัวเรือนต่าง ๆ ทดแทนไม้จริงตามธรรมชาติ ตลอดจนการศึกษาพัฒนาการผลิตแผ่นพลาสติกเสริมแรงด้วยฟางข้าว เพื่อเป็นวัสดุโพลิเมอร์ชนิดใหม่ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการเตรียมวัสดุคอมโพสิตจากโพลิเมอร์และเส้นใยฟางข้าว เพื่อใช้งานเป็นวัสดุไม้เทียมและวัสดุขึ้นรูปแบบพลาสติกส่วนการถ่ายทอดเทคโนโลยี ปัจจุบันกรมป่าไม้โดยงานอุตสาหกรรมวัสดุทดแทนไม้ สำนักวิจัยการจัดการป่าไม้ และผลิตผลป่าไม้ ได้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แผ่นประกอบฟางข้าว จนสามารถทำผลิตภัณฑ์ จากเศษฟางข้าวได้ พร้อมกับได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตแผ่นประกอบจากฟางข้าวให้กับกลุ่มเกษตรกร และประชาชนที่สนใจแล้วหลายรุ่น เพื่อที่จะนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ต่อไปทั้งนี้ เชื่อว่าในอนาคต “ฟางข้าว” ที่ถูกมองข้ามมานาน จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และรายได้ให้แก่เกษตรกรได้อย่างแน่นอน.
จากสภาพปัญหาด้านทรัพยากรป่าไม้ที่มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความจำเป็นต้องลดการใช้ไม้ธรรมชาติในประเทศเพื่อรอการฟื้นฟูพื้นที่ป่าให้เพียงพอจนเกิดความสมดุลต่อสิ่งแวดล้อม ประกอบกับการนำเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการเกษตรมาทำให้กลับมีคุณค่าเป็นวัสดุทดแทนไม้ธรรมชาติ หรือผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสม น่าจะเป็นโอกาสในการสร้างงานและเพิ่มรายได้ให้กับท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ “ฟางข้าว” เศษวัสดุเหลือทิ้งจากท้องนาที่ไม่วัสดุฉนวนความร้อนกำลังเป็นที่นิยมและแพร่หลายมากในปัจจุบัน มีการใช้มากทั้งในโรงงาน งานก่อสร้างอาคารและบ้านพักอาศัย แต่ส่วนใหญ่จะใช้ฉนวนใยแก้ว และแผ่นโฟม โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉนวนใยแก้วที่ต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ จากสถิติในปี 2543 ไทยมีการนำเข้าฉนวนใยแก้วสูงถึง 45,149,891 บาท ทำให้เสียดุลการค้า นอกจากนั้น ฉนวนความร้อนเหล่านี้ ยังผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งมักประสบปัญหาและคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยต่อสุขภาพเมื่อนำมาใช้งาน” นายวรธรรมกล่าวได้รับการเหลียวแล และถูกมองข้ามเสมอมา
อย่างไรก็ตาม กรอบแนวทางการวิจัยของกรมป่าไม้ เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากฟางข้าวเพื่อทดแทนไม้มิได้มีเพียงเท่านั้น ยังมีการพัฒนาฟางข้าวมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแผ่นประกอบชีวภาพ คล้ายคลึงกับแผ่นไม้ประกอบ เช่น แผ่นชิ้นไม้อัด แผ่นใยไม้อัด และแผ่นไม้อัดสารแร่ เป็นต้น โดยแผ่นประกอบชีวภาพนั้น สามารถนำมาผลิตเป็นเครื่องเรือน เครื่องไม้ในครัวเรือนต่าง ๆ ทดแทนไม้จริงตามธรรมชาติ ตลอดจนการศึกษาพัฒนาการผลิตแผ่นพลาสติกเสริมแรงด้วยฟางข้าว เพื่อเป็นวัสดุโพลิเมอร์ชนิดใหม่ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการเตรียมวัสดุคอมโพสิตจากโพลิเมอร์และเส้นใยฟางข้าว เพื่อใช้งานเป็นวัสดุไม้เทียมและวัสดุขึ้นรูปแบบพลาสติกส่วนการถ่ายทอดเทคโนโลยี ปัจจุบันกรมป่าไม้โดยงานอุตสาหกรรมวัสดุทดแทนไม้ สำนักวิจัยการจัดการป่าไม้ และผลิตผลป่าไม้ ได้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แผ่นประกอบฟางข้าว จนสามารถทำผลิตภัณฑ์ จากเศษฟางข้าวได้ พร้อมกับได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตแผ่นประกอบจากฟางข้าวให้กับกลุ่มเกษตรกร และประชาชนที่สนใจแล้วหลายรุ่น เพื่อที่จะนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ต่อไปทั้งนี้ เชื่อว่าในอนาคต “ฟางข้าว” ที่ถูกมองข้ามมานาน จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และรายได้ให้แก่เกษตรกรได้อย่างแน่นอน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น